เครื่องหนัง 5 ชนิด ที่ไม่ควรพลาด ! – genuine leathers you should know.
เครื่องหนัง 5 ชนิด
หากพูดถึง “ หนังแท้ ” หลายคนอาจนึกถึงพวก หนังวัว , หนังแกะ , หนังจระเข้ หรือหนังงู ใช่แล้วครับ เพราะหนังของสัตว์จำพวกนี้สามารถนำมาทำเป็น กระเป๋าหนัง , รองเท้าหนัง , และเสื้อหนังแท้ ๆ ให้เราได้ใช้กันตั้งแต่อดีต จนมาถึงปัจจุบันกันเลยทีเดียว ซึ่งเราสามารถนำหนังแต่ละประเภทมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้ โดยการแบ่งเป็น 2 จำพวกหลัก ๆ นั่นก็คือ
หนังดิบ
เป็นหนังที่ได้มาจากสัตว์ที่ตายแล้ว โดยนิยมนำเอาหนังดิบมาใช้ทำเป็น หนังกลอง และหนังตะลุง
หนังฟอก
เป็นการนำ หนังดิบ มาฟอกแบบชนิดต่าง ๆ เช่น “ การฟอกฝาด ” จะใช้ส่วนประกอบจาก พืช อย่างเช่น เปลือกไม้ , เนื้อไม้ , ผลจากต้นไม้ และรากไม้ การฟอกฝาดจะ ทำด้วยมือ และใช้เวลา แช่หนัง ในบ่อฟอกนานถึง 2 เดือน , ” การฟอกโครม “ เป็นการฟอกที่ทำในถังหมุนซึ่งจะใส่สารเคมีพวกเกลือของโครเมียม เช่น โครมิก ( Chromic ) เป็นตัวฟอก และการฟอกโครมเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เนื่องจากสารเคมีราคาถูก , ใช้เวลาในการฟอกไม่นาน กระบวนการฟอก ทำให้หนังนั้นมีสีสันที่สวยงาม , ผิวเรียบอ่อนนุ่ม , ได้ความหนาตามที่ต้องการและหนังไม่เน่าเปื่อย ซึ่งกระบวนการฟอกนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนิดของหนังสัตว์และการใช้งานด้วยเช่นกัน
ลักษณะที่ชัดเจนของหนังแท้ จะมีรูขุมขนของผิวและลวดลายที่เป็นธรรมชาติ ท้องของหนังจะเป็นเส้นใย และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ หนังแท้นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้น คือ
Grain
เป็นหนังผิวชั้นบนสุดซึ่งมีลวดลาย และรูขุมขนที่ยังคงชัดเจน เป็นหนังที่มี คุณภาพดีที่สุด เหมาะสำหรับใช้ เป็นส่วนหน้าของชิ้นงาน
Split
หรือ หนังท้อง เป็นหนังชั้นกลางที่ถูกปาดผิวชั้นบนออกไป ส่วนมากนิยมแปรรูปเป็นหนัง Nubuck , Suede เป็นที่ได้รับความนิยมเพราะเป็นหนังที่ยังคงมีคุณภาพดีสามารถใช้งานได้หลากหลายและมีราคาที่ถูกกว่าหนังผิว
Lining
หนังท้อง เป็นชั้นล่างสุดของหนังแท้ ส่วนมากถูกนำไปแปรรูปเป็นหนังกลับ หรือ ส่วนซับในของกระเป๋า เพราะมี ราคาที่ถูกและระบายอากาศได้ดี
หนังแท้ แต่ละชนิดจะถูกนำมาใช้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและลักษณะของตัวหนัง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้
เครื่องหนัง – นูบัค ( Nubuck leather )
นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split ) มาทำเป็นเครื่องหนัง โดยผ่านกระบวนการฟอกแบบพิเศษ ไม่มีการลง น้ำมันทำให้หนังยังคงสภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเอามือสัมผัสจะมีขนสั้น ๆ ให้ความรู้สึกที่นุ่ม , มีความทนทานที่สูง ส่วนใหญ่นำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องแต่งกายและเฟอร์นิเจอร์
- พื้นผิว : มีขนสั้นๆ ที่อ่อนนุ่ม
- น้ำหนัก : ปานกลาง
- ระบายอากาศ : ดีมาก
- ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับวิธีของการใช้งาน
- ความชื้นและเชื้อรา : อ่อนแอต่อความชื้น ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย
- ริ้วรอย : ผิวสัมผัสเกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย (แค่ใช้นิ้วลูบรอยเบาๆ รอยก็จะหายไป)
- ราคา : มีราคาสูงกว่าประเภทหนังกลับ
เครื่องหนัง – กลับ ( Suede leather )
นิยมนำหนัง “ ชั้นกลาง ” ( Split ) กลับหนังด้านในของหนังออกมาเป็นหนังบริเวณหน้าท้อง โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม ทำมาจากหนังสัตว์ โค , กระบือ , แกะ และแพะ ซึ่งมีเส้นใยสานกันอยู่แน่นอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อสัมผัสจะมีความนุ่ม มีลักษณะขนฟู , ผิวมีความเรียบสม่ำเสมอ , ไม่มีตำหนิรอยแผล ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นรองเท้าหนังกลับ , กระเป๋าหนังกลับ
- พื้นผิว : ผิวหนังนิ่ม และมีความยืดหยุ่นที่พอดี
- น้ำหนัก : ปานกลาง
- ระบายอากาศ : ดีมาก
- ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน
- ความชื้นและเชื้อรา : ไม่ทนต่อความชื้นและดูดซับของเหลวได้ไว ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย
- ริ้วรอย : เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย
- ราคา : ราคาถูกกว่าประเภทหนังนูบัค
เครื่องหนัง – ออยล์ ( Oiled leather )
นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain ) ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันธรรมชาติ มีผิวสัมผัสที่นุ่มมือสามารถกันการซึมซับของน้ำได้เป็นอย่างดี ในสมัยโบราณหนังออยล์จะมีวิธีการย้อมด้วยไขมันจากสมองของวัว เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีสารเคมีหรือน้ำมันสังเคราะห์ และส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นกระเป๋าสตางค์
- พื้นผิว : มีผิวที่หนา มีความนุ่มและลื่นมือ
- น้ำหนัก : ค่อนข้างสูง
- ระบายอากาศ : ได้ดี
- ความทนทาน : 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
- ความชื้นและเชื้อรา : ทนต่อความชื้นได้ดี เกิดเชื้อราได้ยาก
- ริ้วรอย : ป้องกันการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
- ราคา : แพงกว่าประเภทหนัง Suede และ Nubuck
เครื่องหนัง – ชามัวร์ ( Chamois leather )
นิยมใช้หนังผิว “ ชั้นบน ” ( Grain ) ของเลียงผาหรือแกะภูเขา ผ่านกระบวนการฟอกด้วยน้ำมันจากสัตว์ทะเล มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี, ผิวนุ่ม ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนระหว่างใช้งาน มีราคาสูง ส่วนใหญ่นำมาเช็ดทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ แต่ปัจจุบันนิยมนำแพะมาทำเป็นหนังแทน เพราะเลียงผามีน้อยและหายาก
- พื้นผิว : ผิวเรียบนุ่ม
- น้ำหนัก : ปานกลาง
- ระบายอากาศ : ได้ดี
- ความทนทาน : 15 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
- ความชื้นและเชื้อรา : ดูดซับน้ำได้ดีและเกิดเชื้อราได้ง่าย
- ริ้วรอย : ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
- ราคา : ราคาสูงกว่าหนังประเภทอื่น
เครื่องหนัง – นัปป้า ( Nappa leather )
นิยมนำหนังผิว “ ชั้นบน ” (Grain) ของหนังวัว โดยผ่านกระบวนการฟอกโครม มีผิวสัมผัสที่เรียบ , เนื้อนิ่มส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็น กระเป๋า , ร้องเท้า , โซฟาและเฟอร์นิเจอร์
- พื้นผิว : มีความหนา ผิวเนื้อนิ่ม
- น้ำหนัก : ปานกลาง
- ระบายอากาศ : ได้ดี
- ความทนทาน : 10 – 15 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
- ความชื้นและเชื้อรา : ป้องกันความชื้นได้เป็นอย่างดี
- ริ้วรอย : ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
- ราคา : ถูกกว่าหนังแท้ประเภทอื่น
อ้างอิง :
http://ideaconnex.com/kaarduuaelraksaahnang-satw/
https://www.thaisabuy.com/fashion/suede-shoes-care/
https://www.vanchada.com/บทความ-ร้านกระเป๋าหนังแท้/หนังแท้-ออยล์พูลอัพ-คืออะไร
https://en.wikipedia.org/wiki/Chamois_leather
https://www.lastoncare.com/blogs/handbag-cleaning-and-care/5-different-types-of-leather-you-should-know
https://en.wikipedia.org/wiki/Nappa_leather
https://www.galleria.co.th/bagspace/what-is-nubuck-leather.html
https://thaitanning.org/?lang=en
https://sharerora2.wordpress.com/tag/อุตสาหกรรมฟอกหนัง/
สอบถามข้อมูลสินค้า
LINE Official : @HILMYNA
085-5077766 / 093-6464405 K.ตรอง